The Prince of Pants
by Alan MacDonald and Sarah McIntyre
เขียน: ทีมกล้วย
และผู้ชนะคือ เจ้าชายกางเกงในนนน (The Prince of Pants)!!
ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ที่อยู่ตรงหน้าทุกท่านนี้คือโฉมหน้าหนังสือภาพสำหรับเด็กที่ได้รับเลือกว่าเป็นหนังสือที่ตลกที่สุดเล่มหนึ่งแห่งปี โดย Laugh Out Loud Award หรือ Lollies Award (รางวัลที่เด็กๆ ในสหราชอาณาจักรร่วมกันโหวตให้กับหนังสือที่ขำที่สุดในแต่ละปี)
ไม่ยากเกินที่จะคาดเดาว่าหนังสือที่สร้างสรรค์โดย Alan MacDonald และ Sarah McIntyre เล่มนี้เกี่ยวกับอะไร เพราะทั้งชื่อเรื่องและภาพบนหน้าปกก็บอกชัดแล้วว่าเกี่ยวกับ ‘กางเกงใน’ แน่ๆ ยังไม่ทันเปิดก็รับรองได้ว่าเรียกเสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ จากเด็กๆ ได้แล้ว เด็กคนไหนก็ชอบเรื่องในที่ลับหรือเรื่องที่ผู้ใหญ่มักจะมองว่า ‘ไม่ค่อยเหมาะสม’ ทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อลองไปยืนฟังเด็กๆ เล่นกันที่สนามเด็กเล่นดูสิ
เรื่องโดยย่อมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่ง เจ้าชายกางเกงในตื่นขึ้นมาพบว่ากางเกงในที่มีอยู่ทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เจี๊ยก! ทำยังไงดีล่ะ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าชายซะด้วย ว่าแล้วเจ้าชายก็รีบออกเดินทางไปตามหากางเกงในที่หายไปตามที่ต่างๆ ของปราสาท วันเกิดทั้งทีจะไม่มีกางเกงในใส่ได้ยังไง! แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนเจ้าชายก็ไม่เจอ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น
ในขณะที่เรื่องราวบอกเล่าผ่านมุมมองของเจ้าชาย แต่ภาพประกอบกลับเผยเรื่องราวที่ไม่ได้บอกเล่าเอาไว้มากมาย เชื้อเชิญให้เด็กๆ ที่ได้อ่านได้รับบทนักสืบช่วยสอดส่องมองหากางเกงในที่หายไปในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในกรอบรูป บนกาน้ำชา หรือแม้กระทั่งแฝงไปเป็นว่าวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
รายละเอียดตลกๆ ที่ซ่อนอยู่ในภาพดึงดูดให้เด็กๆ ‘อ่าน’ ภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้กับเด็กๆ ในห้องอนุบาล 3 ก็ต้องประหลาดใจกับความสามารถในการอ่านภาพ (Visual Literacy) ของพวกเขา ที่สามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตลอดการเดินทางของเจ้าชาย พวกเขาคอยตั้งสมมุติฐาน มองหาเงื่อนงำ และเชื่อมโยงเรื่องราวกับภาพเพื่อคาดเดาเหตุการณ์ต่อไป
“แมวแน่ๆ เลยที่เอากางกางในเจ้าชายไป” เด็กอนุบาล 3 คนหนึ่งพูดพร้อมชี้ไปที่แมวที่อยู่ข้างๆ เจ้าชาย
“ใช่ๆ แล้วแม่ของเจ้าชายคงมาเห็นเข้า เลยเอากางเกงในไปซัก หรือไม่มันก็สกปรกมากจนแม่ต้องเอาไปทิ้ง!” เพื่อนในห้องเสริม
ก่อนเพื่อนอีกคนพูดติดตลกว่า “เจ้าชายไม่มีกางเกงในใส่ เห็นก้น โป๊ๆ” แล้วเด็กๆ ในห้องก็หัวเราะพร้อมกัน
หนังสือตลกๆ ที่มีเรื่องราวเพี้ยนๆ อาจไม่ได้มีตอนจบในแบบ “เรื่องนี้สอนรู้ว่า…” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งไร้สาระจะเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ ตรงกันข้าม ความไร้สาระและตลกขบขันกลับช่วยเปิดโลกแห่งจินตนาการและความสร้างสรรค์ของเด็กๆ และเจ้าความขำนี่ละ ที่ทำให้เด็กๆ อยากจินตนาการต่อ รวมไปถึงอยากหยิบหนังสือเล่มต่อๆ ไปมาอ่านด้วยตัวเอง